วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2550

วาทกรรม [Siam not Thailand: ร่วมลงชื่อให้เปลี่ยนชื่อประเทศว่า “สยาม” แทน “ไทย”] ตอนที่ 2

อีกทัศนะหนึ่งที่เห็นสอดคล้องกัน


สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ต้นสกุล "ดิศกุล"
ที่มา :
http://tiny.schq.mi.th/~apide/princedamrong/history.htm

ทายาทกรมพระยาดำรงฯ หนุนเปลี่ยนชื่อ"ไทย" เป็น "สยาม"
ที่มา : เว็บไซต์ ประชาไทออนไลน์ http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=7719&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

12 เม.ย. 50 ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ในฐานะประธานหอสมุดฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ผู้เป็นเหลนในตระกูลสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์และโบราณคดีไทย กล่าวสนับสนุนแนวคิดของ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ แห่งโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้ลงนามเรียกร้องใน

www.petitiononline.com/siam2007/petition.html

เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้กำหนดชื่อสยาม (SIAM) แทนประเทศไทย (THAILAND) ในรัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2550

ม.ล.ปนัดดา เห็นว่า การปรับเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นประเทศไทย เมื่อปีพ.ศ.2482 เป็นไปตามอำเภอใจล้วนๆ ของผู้นำรัฐบาลในขณะนั้น ทั้งที่มีเสียงโต้แย้งมากมายทั้งในเชิงประวัติศาสตร์และข้อเท็จจริงทางความเป็นชาติ โดยลืมไปว่าสยามเป็นชื่อพระราชทานมาจากในหลวง บ่งบอกถึงความเป็นชาติประเทศที่เก่าแก่ ในประการสำคัญ คือพระวิสัยทัศน์ขององค์พระมหากษัตริย์แห่งสยาม ที่มีพระราชประสงค์ให้ชื่อประเทศ (ไม่รวมถึงชื่อภาษา) ครอบคลุมประชาชนพลเมืองจากหลากหลายชาติพันธุ์ ภาษา และอัตลักษณ์วัฒนธรรม ทั้งไทย ลาว จีน อีสาน มอญ มลายู กะเหรี่ยง แขก ฯลฯ หาใช่มุ่งสร้างความเป็นชาตินิยมแก่ชาติพันธุ์หนึ่งชาติพันธุ์ใด

อีกเหตุผลหนึ่งต่อหลักการเรียนรู้ภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน ได้แก่กรณีที่ผู้คนในต่างประเทศจะสับสนระหว่างชื่อของไต้หวันกับประเทศไทย ทั้งที่ประวัติศาสตร์สยามประเทศมีวิวัฒนาการแห่งความภาคภูมิใจอันยาวนาน โดยไม่เคยถูกยึดครองเป็นอาณานิคมของมหาอำนาจตะวันตกเพียงชาติเดียวในภูมิภาคนี้

"มีรายละเอียดอีกมากมายที่ทุกฝ่ายสามารถยกขึ้นเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ท่านอาจารย์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยกประเด็นนี้ขึ้นในขณะนี้ เพราะไม่เพียงแต่ปีนี้เป็นปีสำคัญอีกปีหนึ่งของประชาชนชาวสยาม หากยังเป็นการรักษารากเหง้าในความเป็นชาติอารยะ และเป็นการแก้เคล็ดต่อสถานการณ์ทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กำลังเกิดขึ้น อย่างน้อยที่สุด สมควรได้มีการรณรงค์ให้ดำรงรักษาชื่อสยามอยู่เคียงคู่ประเทศไทยในรัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2550 ดังเช่นประเทศกรีกและเฮเลนิก , สวิสเซอร์แลนด์และฮาเวลเทีย,เนเธอร์แลนด์กับฮอลแลนด์ ,จ.นครราชสีมากับโคราช,ฉะเชิงเทรากับแปดริ้ว เพียงขออย่าให้คนรุ่นใหม่เข้าใจว่า สยามเป็นชื่อของศูนย์การค้าหรือโรงภาพยนตร์เท่านั้น" มล.ปนัดดากล่าว

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
............................................................................

ติดตามต่อไปนะครับ

เมตตา พร และธรรม แด่ท่านผู้อ่าน
บอกอออนไลน์
16 มิย 50

ไม่มีความคิดเห็น: